ไม่มีอะไรที่ผ่อนคลายไปกว่าการอยู่ในที่โล่ง โปร่งสบายได้สัมผัสแสงธรรมชาติ แสงธรรมชาติในยามเช้าช่วยเติมสีสัน สร้างความมีชีวิตชีวา ความสดชื่นให้กับทุกสรรพสิ่ง และแสงธรรมชาติช่วยทำให้เรามีสุขภาพดี แต่ถึงอย่างไรควรหลีกเลียงแสงแดดช่วงเวลา 9.00 น.ถึง 14.00 น. ค่าชี้วัดความเข้มของแสงยูวีค่อนข้างสูงส่งผลต่อผิวหนัง และเป็นช่วงเวลาที่ควรอยู่ในที่ร่ม หรือใช้อุปกรณ์ป้องกัน ใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวไม่สัมผัสแสงแดดโดยตรงเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง
การเปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติเช้าสู่ภายในที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน เป็นสิ่งสำคัญต่อการกิจกรรมนอกจากประโยชน์เพื่อการมองเห็นยังมี 6 ประโยชน์ต่อสุขภาพของแสงธรรมชาติ
1. สถานที่ทำงานเปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่อาคาร เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน ส่งผลต่อประสิทธิผลและคุณภาพงานที่ดี
2. แสงธรรมชาติช่วยให้ตาผลิต dopamine สามารถลดความเสี่ยงต่อการมองเห็น สภาวะสายตาสั้นของเด็กและผู้ใหญ่
3. การสัมผัสกับแสงแดดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้าเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงช่วยเพิ่มโอกาสในการนอนหลับ
4. แสงธรรมชาติช่วยให้ร่างกายผลิต serotonin ฮอร์โมน "มีความสุข" ซึ่งต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Seasonal Affective Disorder (SAD)
5. ห้องที่เปิดรับแสงธรรมชาติ ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังการผ่าตัด
6. แสงธรรมชาติในห้องเรียน มีผลบวกต่อคะแนนการทดสอบของนักเรียน
"ในอาคารที่เปิดรับแสงธรรมชาติ 25-40 เปอร์เซ็นต์ของการใช้พลังงานทั้งหมด โดยมีการควบคุมทิศทางของแสง และอุณหภูมิจึงทำให้ประหยัดค่า ไฟฟ้าส่องสว่างได้อย่างมากอีกด้วย"
วิธีนำแสงธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ควรควบคุมทิศทางของแสง และลดอุณหภูมิ
1. เลือกกันสาดประเภทแผ่นโปร่งแสงที่ช่วยกรองแสง และป้องกัน UV บริเวณทิศตะวันออก และทิศเหนือ เปิดรับแสงธรรมชาติยามเช้าเพิ่มพลังงานชีวิต
2. เลือกกันสาดประเภทแผ่นทึบแสงในทิศตะวันตก และทิศใต้ ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านคุณสามารถทำกิจกรรมใต้หลังคากันสาดได้ยาวนานต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น